10.11.11

Jquery UI framework installation ไม่ได้ยากเลย

image      หลังจากที่หายไปพักใหญ่ๆ กับงานทางด้านเว็บแอพพลิเคชั่น ผมก็รู้สึกเหมือนจะถูกเทตโนโลยีทิ้ง ไปซะไกล ต้องมานั่งไล่ตามกันพักใหญ่ ที่หายไป ก็ไม่ได้ห่างหายไปไหนหรอกครับ กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับ ไมโครคอนโทรลเลอร์ อยู่ พอกลับมาได้ทำโปรเจค เกี่ยวกับเว็บอีกครั้ง ผมต้องตะลึง กับหลายๆ framework ที่มีอยู่มากมาย ต่างพากัน แสดงความสามารถตัวเอง กันอย่างเต็มที่

     วันนี้ ผมมองหา Framework ดีๆ ที่จะมาช่วยให้งานของผม มีลูกเล่นมากขึ้น ตอนแรก ก็กะว่าจะลองใช้ Kendo framework แต่ดูแล้ว เหมือนจะไม่ฟรี ก็เลยมองหาตัวอื่น จนมาเจอกับ Jquery UI นี่แหละ

    Jquery UI หรือ Jquery User Interface เป็นตัวที่ใช้รูปแบบไวยกรณ์ของ Jquery นั่นแหละ แต่ เค้าได้สร้างลูกเล่นที่เป็น library เอาไว้ให้เราดึงเอามาใช้ เพื่อใช้ในการตอบโต้ ลาก วาง ย่อ ขยาย ซ่อน หรือแสดง สิ่งต่างๆ บนหน้าเว็บได้ตามต้องการ หรือเพื่อลดภาระให้กับ server ก่อนที่เราจะทำการส่งค่า การร้องขอ ให้ server กระทำอะไรบางอย่างให้เรา ซึ่งถ้าใครเข้าใจ Jquery ดีอยู่แล้ว เรื่องนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ แต่ผม เพิ่งศึกษามาได้ สอง สาม วัน ยังต้องอีกนาน ที่จะเข้าใจ มันได้ทั้งหมด

วันนี้ เรามาติดตั้ง Jquery กันก่อนครับ เริ่มจาก

  • ทำการเลือก Theme หรือ สีของ component เพื่อให้เข้ากับหน้าเว็บของเราก่อน หรือถ้าเพื่อนๆ ชอบสีไหน ก็เลือกโหลดมาได้เลยครับ คลิก ก็ edit ให้ได้สีตามใจ หรือเลือกโหลดจาก Theme ที่เค้าสร้างไว้ให้ก็ได้ครับ

Jquery Theme

  • หลังจาก download มาแล้ว ให้แตกไฟล์ออกเลยครับ แล้วเปลี่ยนย่อชื่อ folder ให้มันสั้นๆ ก็พอ เอาไปไว้ที่ C:\AppServ\www ในที่นี้ ผมเก็บไฟล์ที่ได้จากการแตก zip ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาไว้ที่ โฟล์เดอร์ jquery ครับ

Jquery UI framwork

  • ในที่นี้ ผมได้สร้าง folder ชื่อ test แล้วข้างใน มีไฟล์ที่ชื่อ index.php เพื่อทำการทดสอบดึง Jquery UI framework เข้ามาทำงานด้วย ขั้นตอนต่อไป เราจะทำการเรียกไฟล์ไลบรารี เข้ามานะครับ
  • เพื่อป้องกันความผิดพลาด เราจะใช้วิธีการก๊อปปี้ เอาเลย โดยให้เข้าไปที่ folder jquery ของเรา แล้วเปิดไฟล์ index.html แล้วทำการก๊อปปี้ บรรทัดประมาณที่ 6-8 ตามรูปด้านล่างเลยครับ
   

header Jquery reference

  • นำไปใส่ที่ ส่วน <header> ของไฟล์ index.php ที่อยู่ในโพล์เดอร์ test ที่เราได้สร้างโค๊ด html ที่จำเป็นไว้ แล้วทำการแก้ไขโค๊ดที่เราก๊อปปี้ มานิดหน่อย เนื่องจาก folder jquery ไม่ได้อยู่ภายใน folder test ของเรา

header Jquery reference

*** เพื่อนๆ เห็นความแตกต่างไหมครับ ลองสังเกตดีๆ ผมเพิ่ม ../jquery/ เข้าไป เห็นไหมครับ

  • ที่นี้ เราจะมาลองสร้าง datepicker กันครับ นั่นก็คือปฏิทิน นั่นเองครับ โดยเราจะให้ datepicker ปรากฏทุกครั้งที่มีการคลิกในช่อง input text อันดับแรก เราจะต้องทำการ initial ด้วยการเพิ่มโค๊ด ที่เป็น java script เข้าไปก่อน โดยวางไว้ในส่วนของ header

datePIcker_Jquery_UI

  • ทำการแก้ไขที่ส่วน selector ให้ตรงกับ id ของ DOM ที่เราอ้างอิงไปถึง (ในตอนต่อๆ ไป เราค่อยมาดูเรื่อง selector และการตั้งค่าอื่นๆ กันครับ)
  • ทดลองรันไฟล์ http://localhost/test/index.php แล้วคลิกที่ช่อง input text จะปรากฏปฏิทิน ขึ้นมาให้เรา เลือกวันที่

ทดสอบ datePicker เห็นไหมหล่ะครับ ไม่ได้ยากเลยใช่ไหมครับ แบบนี้ รับรอง ทำให้งานของเรา เสร็จไว และมีลูกเล่น ไม่น่าเบื่อ แน่นอนครับ เดี๋ยวเราจะค่อยๆ มาเจาะลึกลงไป เดี๋ยวขอตัวไปอ่านเพิ่มเติมก่อนครับ ถ้าคนไหน ยังทำไม่ได้ ลองไล่ๆ กลับไปลองดูอีกทีครับ อยากศึกษาเพิ่มเติม ก็ลองดู demo ครับ ยังมีอีกหลายตัวที่น่าสนใจ

    ในระหว่างที่กำลังเขียนบทความนี้ ข้างนอก เค้ากำลังจุดพลุ จุดประทัด เนื่องจากเป็นวันลอยกระทง ในสถานการณ์ ที่บ้างส่วนของประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ  กำลังโดนมหาอุทกภัย ครั้งร้ายแรงที่สุดกำลังถาโถมเข้าใส่คนกรุงฯ แต่ เราคนไทย ก็ยังร่าเริงกันได้บ้าง นั่นเป็นเพราะ เป็นนิสัยของคนไทย ที่เป็นคนชอบความสนุก ก็จริงนะ ไม่รู้จะทุกข์ไปทำไม แต่ในคืนนี้ ผมก็ยังไม่คิดที่จะออกไปลอยกระทง เหมือนๆ 10 ปีก่อน ผมคิดว่า ถ้าเราจะแสดงความเคารพ พระแม่คงคาแล้ว เราก็ไม่ควรจะเอาอะไร ส่งลงไปที่แม่น้ำ ลำคลอง อีก เราควรจะกระทำในทางตรงกันข้ามมากกว่า ด้วยการรณรงค์ ให้วันนี้ เป็นวันที่ทุกคน ควรที่จะเก็บขยะ เศษปฏิกูล หรือขุดลอก คูคลอง ดีกว่า แต่ก็อย่างว่าหล่ะครับ จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่คน ยึดถือ กันมา มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยทีเดียว

อ่านเพิ่มเติม...

3.11.11

Android VDO tutorial from TESA

android video tutorial       ห่างหายไปนานพอสมควรครับ พอดีติดภาระกิจหลายอย่าง ทั้งมินิโปรเจค ทั้งงานประจำ แล้วก็งานที่มหาลัย ซึ่งในขณะนี้ ก็ยังไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ ช่วงนี้ ไม่มีข่าวไหนจะดังไปกว่า มวลน้ำก้อนมหึมา กำลังถาโถม เข้าใส่กรุงเทพฯ ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย แต่ เราสามารถที่จะบรรเทา เบาบางลงได้ ถ้าเมื่อ ปี2538 เราทำตามคำแนะนำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ที่พระองค์ทรงพระราชทานไว้เมื่อ ปี2538 ในครั้งนั้น น้ำก็ท่วมกรุงเทพฯ เหมือนกัน แต่ ด้วยพระปรีชาสามารถ ทำให้ในครั้งนั้น คนกรุงเทพ ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงเท่าครั้งนี้

วันนี้ ผมได้นำเอา VDO สอนการเขียนโปรแกรมบนระบบปฎิบัติการ Android ซึ่งเป็น VDO ที่ทำ Work shop ของ TESA  ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายตอน มาฝากเพื่อนๆ ครับ หวังว่า เพื่อนๆ จะได้รับความรู้ในการเขียนโปรแกรม บนระบบปฎิบัติการ Android

 

Android ตอนที่ 1

 

Android ตอนที่ 2

 

Android ตอนที่ 3

 

Android ตอนที่ 4

 

Android ตอนที่ 5

 

Android ตอนที่ 6

 

Android ตอนที่ 7

 

Android ตอนที่ 8

หวังว่า เพื่อนๆ คงได้รับความรู้ ไม่มากก็น้อย นะครับ เดี๋ยวพบกันใหม่ครับ ถ้ามีไรดีๆ ผมจะกลับมาแบ่งปันใหม่

อ่านเพิ่มเติม...

31.5.11

PHP command line ช่วยงานได้เยอะ




ช่วงนี้ ผมแทบไม่ได้เข้ามาอัพเดทบล๊อกนี้เท่าไหร่ เพราะกำลังง่วนอยู่กับการศึกษาไมโครคอนโทรลเลอร์ ผมว่ามันสนุกดี แล้วก็จับต้องได้ด้วย ติดตามกันได้ที่นี่ครับ www.123microcontroller.com

วันนี้ ผมเอาเทคนิคดีๆ ที่ผมใช้อยู่เป็นประจำในที่ทำงาน เนื่องจากงานของผม ในบางครั้งจะต้องยุ่งเกี่ยวกับการดึงดาต้าจาก Oracle เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาทางสถิติอะไรบางอย่าง ผมมักจะเลือกที่จะใช้ภาษา PHP ที่ผมถนัดอยู่แล้ว เป็นตัวกลางในการติดต่อกับดาต้าเบส Oracle จริงๆ เราสามารถใช้ภาษา SQL สั่งคิวรี่ ข้อมูลจาก Oracle ผ่านโปรแกรม SQL Plus ได้ แต่ในบางครั้งข้อมูลที่เราต้องการดึงมานั้น มีการเชื่อมโยงข้อมูลต่างตารางกัน แล้วยังจะมีการคำนวณหรือกรองข้อมูลที่ไม่ต้องการออก หรือในบางครั้งอาจจะต้องมีการเปรียบเทียบข้อมูลทั้งหมดในแต่ละรอบก่อน แล้วจึงค่อยแสดงค่า ถ้าจะให้ทำการวนลูปด้วยภาษา SQL บอกได้คำเดียวว่ายาก (โดยเฉพาะ ผมก็ไม่เคยทำได้สักที)

ที่พูดมาทั้งหมดก็อยากจะบอกว่า ในบางครั้งการใช้ภาษาสคริปต์อย่างเช่น PHP ในการประมวลผลข้อมูล มันจะเป็นการง่ายกว่า การมานั่งเขียนภาษา SQL เพื่อให้ได้คำตอบที่ต้องการในการคิวรี ข้อมูลภายในครั้งเดียว แต่ภาษา SQL ก็ยังเป็นส่วนที่จำเป็นอยู่ดี ไม่สามารถทิ้งไปได้ แต่เราจะใช้ในการดึงข้อมูลดิบ แล้วทำการส่งต่อให้ PHP ทำการประมวลผลต่อไป ซึ่งถ้าใครถนัด PHP อยู่แล้ว จะทำให้มองภาพของการไหลของข้อมูลออกได้อย่างง่ายดาย

จริงๆ ผมน่าจะเขียนเรื่องการ config PHP ให้ติดต่อกับฐานข้อมูล Oracle ก่อนนะ แต่ในเมื่อเกริ่นนำไว้แล้ว ก็เลยกะว่า เอาไว้เขียนวันหลังแล้วกัน เพราะมี plan จะเขียนเรื่องนี้ ให้เพื่อนที่ทำงานดูอยู่แล้วหล่ะ

กลับมาเรื่องที่ตั้งใจจะนำเสนอกันดีกว่า ในกรณี ผมต้องการให้ script ของผมทำงานเป็นเวลา โดยตั้งเวลาผ่านโปรแกรม system scheduler ซึ่งผมใช้เป็นประจำในการกำหนดให้สคริปต์ผมทำงานตามเวลาที่ตั้งไว้

sytem scheduler for php command line application ในส่วนของการใช้งานโปรแกรมนี้ ก็ไม่มีไรมาก ตามรูปเลยครับ แต่ส่วนสำคัญอยู่ตรงที่ parameter ครับ ผมขออธิบายก่อนดังนี้ เนื่องจากในสคริปต์นี้ ผมต้องการที่จะเขียนครั้งเดียว แต่สามารถทำงานได้หลายเงื่อนไข ผมจึงออกแบบให้โปรแกรมเป็นกลางๆ ไว้ก่อน โดยให้สามารถเปลี่ยนเงือนไขภายในได้จาก Argument ที่ผมส่งเข้าไปตามรูป แต่ในกรณีที่เพื่อนๆ ออกแบบสคริปต์ให้ทำงานแค่อย่างเดียวก็อาจจะไม่จำเป็นจะต้องทำการส่ง Argument เข้าไปเหมือนผมก็ได้ แล้ภายในสคริปต์ก็จะแตกต่างไปจากของผมด้วยเช่นกัน

ในการทำอย่างนี้ เมื่อโปรแกรมเราถูก Execute เมื่อเวลาได้ถูกกำหนดตามที่เราต้องการ สคริปต์จะถูกสั่งให้ทำงานผ่านหน้าต่าง dos โดยจะทำงานเป็นแบบ text mode แต่ก็ใช่ว่าโปรแกรมของเราจะดูด้อยค่าเหมือนหน้าต่างโปรแกรมทีกำลังรันอยู่เลย กลับกัน มันกลับมีพลังในการทำงานอย่างดีเยี่ยมต่างหาก เพราะเพื่อนๆ สามารถสั่งให้สคริปต์ทำการเขียนผลลัพธ์ลง text file หรือจะเป็นนำค่าที่ได้ย้ายไปเก็บค่าในดาต้าเบส MySQLอีกทีหนึ่งก็สามารถทำได้เช่นกัน ทั้งนี่ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคนครับ

เรามาดูตัวอย่างสคริปต์นี้กันครับ

php command line script

มันเป็นตัวอย่างง่ายๆ เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ทดลองกันก่อน เพื่อให้ได้เห็นผลลัพธ์ ก่อนการนำไปประยุกต์ใช้งานครับ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ

PHP comman line output จะเห็นว่า argc[0] ตัวแรกจะเป็นชื่อไฟล์ที่เราสั่งให้ทำงาน ส่วน argument ที่เราส่งเข้าไปในสคริปต์จะเริ่มต้นที่ argc[1] ถ้าเรามี argument ที่มากกว่า 1 ตัว เราก็จะได้ argc[2].. argc[3]…argc[n] ไปเรื่อยๆ เพื่อนๆ ลองคิดต่อดูสิครับ ว่าโปรแกรมเราจะยืดหยุ่นขนาดไหน โดยที่เราสามารถส่งค่าเข้าไปโดยผ่านทาง command line ต่อๆเข้าไปได้อย่างนี้

ถ้าใครจะไม่ใช้โปรแกรม sytem scheduler แต่เพื่อนๆ อยากรันที่ dos prompt เลยก็ได้นะครับ ก็ทำเหมือนกัน ไม่ได้ต่างกันเลยครับ เราก็สามารถ execute สคริปต์ของเราผ่าน command line ได้เช่นกันครับ

image ลองๆ นำไปประยุกต์ใช้งานกันดูครับ แล้วเจอกันใหม่ในตอนหน้าครับ สวัสดีครับ

อ่านเพิ่มเติม...

12.2.11

เริ่มต้นกับแอฟง่ายๆก่อน : Simple Android Application



Android Application หลังจากสาวน้อย อธิบายให้ป๋าฟังเรื่องการติดตั้ง Android SDK ให้ป๋าฟังแล้ว ถึงเวลาที่สาวน้อย จะแสดงให้เห็นว่า Application ที่เขียนขึ้น มันจะไปทำงานบนมือถือได้ยังงัย โดยสาวน้อย จะแสดงให้ป๋าเห็น บน Emulator โดยหล่อนก็คาดหวังว่า ป๋าจะ get สักที ว่าไอ้ app บน android มันหน้าตาเป็นยังงัย ก่อนที่เธอจะลากตาแก่ ไปเลือก Android แจ่มๆ สักเครือง (ใคร งง กลับไปอ่าน คลิก)

 

 

ขั้นตอนอย่างหยาบๆ กับ android application อย่างง่ายๆ

  1. สร้าง Android Virtual Device (AVD) ก่อนเลย โดยไปที่เมนู Eclipe เลือก Window > Android SDK and AVD Manager.
  2. เลือก Virtual Devices ทางซ้าย
  3. คลิกNew. จะปรากฏ Create New AVD dialog
  4. ตั้งชื่อ AVD เช่น "my_avd".
  5. เลือก Target ให้เวอร์ชั่นตรงกับที่เราจะสร้างโปรแกรมให้ไปทำงานบน platform เวอร์ชั้นไหน ในที่นี้ ผมเลือก Android SDK 2.1
  6. ที่เหลือ ไม่ต้องใส่ค่า
  7. คลิก Create AVD.
  8. แล้ว Start Emulator จากปุ่ม Start

ปล่อยให้ Emulator โหลดหน้าต่าง Emulator ขึ้นมา มันจะใช้เวลาพอสมควร เราไม่ต้องไปสนใจ ให้ไปสร้างโปรเจคง่ายๆ กันต่อเลย

  1. จากเมนู Eclipe เลือก File > New > Project.
  2. เลือก "Android Project" แล้วคลิก Next.
  3. เติมค่าเหล่านี้ลงไป ตามช่องต่างๆ
    • Project name: HelloAndroid
    • Application name: Hello, Android
    • Package name: com.example.helloandroid (or your own private namespace)
    • Create Activity: HelloAndroid
  4. คลิก Finish
  5. ทำการ Modified โค๊ดที่ได้จากการสร้างโปรเจค
    package com.example.helloandroid;

    import android.app.Activity;
    import android.os.Bundle;
    import android.widget.TextView;

    public class HelloAndroid extends Activity {
       /** Called when the activity is first created. */
       @Override
       public void onCreate(Bundle savedInstanceState) {
           super.onCreate(savedInstanceState);
          
    TextView tv = new TextView(this);
           tv.setText("Hello, Android");
           setContentView(tv);

       }
    }



  6. ทำการรัน save แล้ว run application ไปที่เมนู Run > Run.


  7. เลือก "Android Application".


  8. รอดูผลที่หน้าต่าง Emulator


  9. จบ App แรก ดีใจโครตๆ


  10. คนเขียน เหนื่อย U_U



simple android application



ผมพยายามอัดคลิปวีดีโอ การสร้าง Android Application อย่างง่ายๆ เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ลองไปเล่นกัน หวังว่า คงสนุกกับการสร้าง Application นะครับ น้องๆ คนไหน ยังไม่มีรายได้ ก็อย่าไปรบกวนพ่อแม่ นะครับ รู้ว่าขอเงินไป ได้แน่นอน แต่เราไม่รู้หรอกว่า ท่านยอมลำบาก เพื่อให้ลูกสบาย ท่านทำได้เสมอ ก็อยากให้เขียนให้เก่งๆ ก่อน แล้วถ้าเกิดฝีมือเข้าขั้น มีแนวโน้มทำรายได้ ให้เราจริงๆ ค่อยไปกู้เงินมาซื้อ  นะครับ



อ่านเพิ่มเติม...

11.2.11

หนูอยากได้ Android ค่า : Android SDK Installation




Android

 

ณ โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจแล้ว สาวน้อย นอนเบียดอยู่ข้างตาแก่พุงพลุ้ย ที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ (มีภาพ sensor ที่ปากนิดนึง) แล้วสาวน้อย ก็พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนขึ้นมาว่า

 

 

 

 

 

สาวน้อย : ป๋าขา ป๋าขา หนูอยากได้มือถือ เครื่องใหม่สักเครื่องหน่ะค่ะ

ป๋า : ก็ป๋า ซื้อให้แล้วนี่ค่ะ

สาวน้อย : หนูอยากได้ เครื่องที่ มี Android หน่ะค่ะ

ป๋า (ทำหน้า งงๆ ไรว่ะแอนดรอยด์) : หนูจะเอามาทำไร ค่ะ

สาวน้อย : หนูจะมาเขียน App คะป๋า

ป๋า : >_< เชี้ยไรว่ะ App (งง หนักเข้าไปอีก)

อย่าว่าแต่ป๋าเลยครับ ผมเองก็ งง เหมือนกัน ไรว่ะ แอนดรอยด์ มันกินได้ไหม เด็กบ้านนอกอย่างฉันต้องมีไหมอ่ะ ตำรวจจะจับไหม ไม่รู้เหมือนกัน เอาว่ะ เนตก็มี ไปกลัวอะไร search มันเข้าไปกูเกิ้ล ได้ความมาว่า

Android มันเป็นชื่อของระบบปฏิบัติการที่ทาง Google พี่แกใจดี้ ใจดี สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นระบบปฏิบัติการของมือถือ โดยได้พัฒนามาจาก Linux ใครที่เคยเล่น Linux มาก่อนจะเข้าใจ ในการจัดการ process ของ Linux ว่าแตกต่างจาก Windows ยังงัย โดยกูเกิ้ลร่วมกันพัฒนา OS Android กับบริษัททำมือถือยักษใหญ่ ในตอนนั้น ได้แก่ อิงก์, ที-โมบาย, เอชทีซี, ควอลคอมม์ และ โมโตโรลา และได้เปิดโอกาสให้นักพัฒนาอิสระ โหลดตัว  Android SDK ไปพัฒนา Application (ซึ่งใช้ JAVA เป็นหลัก) เพื่อมาใช้บนระบบปฏิบัติการนี้

ด้วยความเอื้อเฟื้อ ต่อการพัฒนา Application นักพัฒนา สามารถที่จะพัฒนา Application ต่างๆ บนคอมพิวเตอร์ของเราได้ก่อน ก่อนที่จะนำไปติดตั้งลงบนมือถือ โดยทำการจำลองโปรแกรมของเราผ่าน Android Emulator ทำให้เกิดการพัฒนา Application สำหรับ Android ขึ้นอย่างมากมาย นอกจากนี้ Application ที่พัฒนาขึ้นมา เราสามารถโหลดมาใช้ได้ฟรีๆ

Android Applications

อย่ารอช้า หากเพื่อนๆ อยากมี applicartion ที่อยากให้ชาวบ้านเค้าไปโหลดไปใช้ หากยังไม่มีมือถือ Android เหมือนผม U_U ก็เล่น Emulator ไปก่อนหล่ะกัน ว่าแล้ว เราก็มาติดตั้ง Android  SDK กันก่อน

ขั้นตอนการติดตั้ง Android SDK

  1. ให้เรา โหลด ตัว Android SDK http://developer.android.com/sdk/index.html เค้าแนะนำ installer_r09-windows.exe (Recommended)
  2. โหลด Eclipe classic หรือตัวอื่นๆ ถ้าชอบ http://www.eclipse.org/downloads/ ในที่นี้เค้าแนะนำ
    • Eclipse IDE for Java Developers
    • Eclipse Classic (versions 3.5.1 and higher)
    • Eclipse IDE for Java EE Developers
  3. โหลดตัว JDK ของ JAVA ด้วย ไม่โหลดตอนนี้ เดี๋ยวมันก็ถามหาอยู่ดี ลำพัง JRE เอาไม่อยู่ ต้องโหลด JDK ด้วย
  4. แตกไฟล์ Eclipe ไปไว้ที่ไหนก็ได้ drive D: ก็ได้ แล้ว เรียก Eclipe.exe ขึ้นมา
  5. ติดตั้ง Adroid SDK ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ installer_r09-windows.exe พอติดตั้งเสร็จ มันจะถามให้รัน Android SDK and AVD manager ไหม ก็รันไปเลย
  6. ขั้นตอนนี้ มันจะติดตั้ง package ไม่รู้ไรหนักหนา ขี้เกียจอ่าน เลือกมันหมดเลยหล่ะกัน โปรแกรมจะทำการดาวน์โหลดจากอินเตอร์เนต นานมากๆ ไปอาบน้ำรอได้เลย
  7. กลับมาอีกที ยังไม่เสร็จอีก *_*
  8. พอติดตั้งเสร็จ ให้เปิด Eclipe ขึ้นมา แล้วไปที่ เมนู Help > Install New Software....
  9. คลิกปุ่ม Add
  10. ตั้งชื่อ เป็น "ADT Plugin" ในช่อง Name แล้วใส่ URL 
    https://dl-ssl.google.com/android/eclipse/ ในช่อง Location 











  11. คลิก OK , Next , Next แล้วก็ Finish






  12. ติดตั้งเสร็จ มันจะ restart Eclipe หนึ่งดอก






  13. ถึงเวลาที่เราต้อง config ตัว ADT Plugin สำหรับ คนที่ใช้ Eclipe IDE เป็นตัวพัฒนา App (มัดมือชก ตัวอื่นไม่รู้ทำงัย) กันสักหน่อย






  14. ไปที่ Window > Preferences... 





  15. เลือก Android จากเมนู ทางขวา







  16. มองหา SDK Location แล้ว Browse หา SDK library ซึ่งน่าจะอยู่ที่ C:\Program Files\Android







  17. คลิก Apply แล้ว OK






  18. เหนื่อย(ว่ะ)










ผมพยายามทำ Clip VDO สอนการติดตั้ง Android SDK แต่เนี่องจากมันใช้เวลานานพอสมควร ผมจึงทำการบันทึกไป หยุดไป ภาพอาจจะไม่ต่อเนื่อง ก็พยายามดูๆ เอาหล่ะกัน อัดกันสดๆ ก็แบบนี้แหละ









อยากเห็น App ไทย ไป App นอกบ้าง ผมว่า ก็คงมีแหละ ที่ App ของคนไทยที่มีคนโหลดไปเล่นกัน  พอดี ไม่ค่อยได้ติดตามมากนัก เพราะ มือถือก็ยังไม่มี รอผู้ใจดี มีเงินเหลือ ซื้อให้สักเครือง ใครถูกหวย ก็ซื้อให้มั่งนะ อยากลองๆๆ ^_^









ตอนหน้า เรามาเขียน Android Application ง่ายๆ แล้วลองรัน ใน Emulator ดูกันครับ ว่ามันจะเป็นยังงัย













อ่านเพิ่มเติม...

9.2.11

variables naming : ว่าด้วยเรื่องการตั้งชื่อตัวแปร



variable naming

   ไม่ว่าคุณจะเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษาใดๆ ก็ตาม อย่างหนึ่งที่ต้องทำ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นก็คือ คุณต้องทำการจองหน่วยความจำสำหรับเก็บข้อมูล และไม่ว่าภาษาคอมพิวเตอร์ที่คุณกำลังเขียนอยู่นั้น จะต้องทำการประกาศตัวแปร ก่อนหรือไม่ก็ตามก่อนนำไปใช้งาน เราก็จำเป็นที่จะต้องทำการสร้างตัวแปรขึ้นมา โดยการประกาศชื่อตัวแปร เพื่อให้ตัวแปรภาษาเข้าใจ ว่านี่ คือส่วนของตัวแปรที่เก็บข้อมูลที่เราได้ประกาศขึ้นมาเอง และแน่นอนว่า ตัวแปร ไม่ได้มีแค่ตัวเดียวอย่างแน่นอน การที่เราจะต้องการประกาศตัวแปรหลายๆ ตัว เราก็จำเป็นจะต้อง ตั้งชื่อให้กับตัวแปร ที่เราประกาศไว้ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และเพื่อให้ง่ายต่อการไล่ดูโค๊ดในภายหลัง เราจะต้องมีเทคนิคที่ดี ในการตั้งชื่อตัวแปร ให้อ่านทำความเข้าใจได้ง่าย และให้เกิดความสวยงาม

     เกริ่นมาซะยาว จริงๆ วันนี้ ผมตั้งใจ จะเล่าเรื่องสไตล์ในการตั้งชื่อตัวแปร ไม่ใช่ว่าเค้านึกอยากจะตั้งอย่างไร ก็ได้ ก็จริงอยู่ที่เราสามารถตั้งชื่อตัวแปรอย่างไรก็ได้ ตามใจฉัน เพราะฉันเป็นคนเขียนโปรแกรมนี้ขึ้นมา ขออย่างเดียว อย่าไปซ้ำกับคำสงวนแค่นั้นพอ แต่เพื่อนๆ ทราบไหมว่า การตั้งชื่อตัวแปร จริงๆ แล้วเค้ามีธรรมเนียมปฏิบัติกันอยู่ (คำว่า ธรรมเนียม แปลว่า ถ้าเราไม่ทำตาม ก็ไม่ผิดกฏ) เรามาดูกันว่า มีอะไรบ้าง

      ธรรมเนียมปฏิบัติที่มีประโยชน์มากอย่างหนึ่ง ในการตั้งชื่อตัวแปร ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปนั่นก็คือ การระบุชนิดของตัวแปร เข้าไปในชื่อของตัวแปรด้วย รูปแบบการประกาศแบบนี้ เราเรียกว่า “Hungarian Notation”

      ในการประกาศตัวแปร แบบฮังกาเรียน นั้น จะมีการเพิ่มตัวอักษรพิมพ์เล็กนำหน้าชื่อตัวแปร เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงชนิดของตัวแปร  ตัวอย่างเช่น

  • bBusy : boolean
  • chInitial : char
  • cApples : count of items
  • dwLightYears : double word (systems)
  • fBusy : boolean (flag)
  • nSize : integer (systems) or count (application)
  • iSize : integer (systems) or index (application)
  • fpPrice: floating-point
  • dbPi : double (systems)
  • pFoo : pointer
  • rgStudents : array, or range
  • szLastName : zero-terminated string
  • u32Identifier : unsigned 32-bit integer (systems)
  • stTime : clock time structure
  • fnFunction : function name

      นั่นเป็นการนำตัวย่อของชนิดข้อมูลมานำหน้าชื่อตัวแปร เพราะหลังจากที่ตัวแปรเหล่านี้เข้าไปอยู่ในโค๊ดยาวๆ แล้วคุณอาจจะเกิดปัญหาว่า จำไม่ได้ว่าตัวแปรตัวนี้ ถูกประกาศไว้เก็บข้อมูลชนิดใดกันแน่ ตัวอย่างที่ยกให้เห็นนี้ เป็นชื่อตัวแปรที่มีความยาวไม่มากนัก มักนิยมเป็นคำๆ แต่ถ้าเราต้องการสื่อความหมายของตัวแปร ด้วยคำที่ยาวกว่านี้หล่ะ บางทียาวเป็นวลี เราจะตั้งชื่ออย่างไร

      ธรรมเนียมในการตั้งชื่อตัวแปรยาวๆ ก็ยังมีให้เห็น สอง รูปแบบหลักๆ ก็คือ แบบแรกเป็นการใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ที่ต้นคำ แล้วเขียนติดกันไปเลย และเมื่อผสมกับรูปแบบฮังกาเรียนเข้าไปด้วย ก็จะต้องเขียนอักษรย่อบ่งบอกชนิดตัวแปรไว้ข้างหน้าด้วย ตัวอย่างเช่น

int iCountStudent;

     ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งก็คือ การใช้ตัวอักษรพิมพ์เล็กทั้งหมด แล้วใช้ขีดล่าง (under score) คั่นระหว่างคำ โดยเมื่อใช้กับรูปแบบฮังกาเรียนแล้ว ก็จะเขียนอักษรย่อกำกับไว้ข้างท้าย ตัวอย่างเช่น

char *record_primary_key_p;

     ทั้งสองรูปแบบนี้ เห็นได้เยอะมาก แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกการประกาศชื่อตัวแปร แบบไหนก็ตาม ก็ขอให้คุณยึดหลักแบบนั้น ไว้ทั้งโปรแกรม แต่อย่างไรก็ดี หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเลือกใช้รูปแบบไหนดี ตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยให้คุณตัวสินใจได้ง่ายขึ้น นั่นก็คือ ให้คุณสังเกตที่ไลบรารี ของภาษาที่เราเลือกใช้ แล้วก็จงใช้ตามหลักของภาษานั้น เหตุผลก็เพราะว่า จะทำให้โค๊ดโปรแกรมของคุณ ดูเป็นเนื้อเดียวกัน

      ไม่ว่าคุณจะเลือกรูปแบบไหน อาจจะต้องมีการตกลงกันในทีมก่อน เพื่อให้รูปแบบการเขียนโปรแกรมไปในทิศทางเดียวกัน แต่สุดท้ายแล้ว คุณก็จะได้สไตล์การเขียนที่เป็นรูปแบบของคุณเอง สไตล์การพูดแต่ละคนไม่เหมือนกันฉันใด สไตล์การเขียนโปรแกรมก็ย่อมไม่เหมือนก้นฉันนั้น แต่เราก็พูดภาษาเดียวกัน ครับ

อ่านเพิ่มเติม...

5.2.11

วิีธีแก้ปัญหา "The JDK missing and is required to run some Netbean Module"



Netbean full package พอดี สาวๆมาขอร้องให้ช่วยทำการบ้านวิชาโปรแกรมมิ่งให้หน่อย ก็ไม่มีอะไรมากเป็นแค่ Lab ภาษา Java ง่ายๆ (แน่นอนหล่ะ ถ้ายากๆ ไม่ทำให้หรอก เพราะเราเองก็เขียนไม่เป็น) ก็ลองหา IDE มาทดลองเขียนสักหน่อย

พอดีเหลือบไปเห็นว่าเครืองเราก็ลง Netbean 6.9.1 ไว้แล้วนี่หน่า ก็เลย เปิดโปรแกรมขึ้นมา จะทำการบ้านให้เพื่อนที่ทำงานสักหน่อย ปรากฏว่า ตอนเราเลือกลง Netbean ดันเลือกลงเฉพาะ package complier ภาษา c/c++ ก็เลย เลือกลงใหม่ คราวนี้ เอาแบบ All ซะเลย หมดเรื่องหมดราว

แต่เดี๋ยวก่อน ชีวิตไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น โชคชะตาล้อเล่นเราได้เสมอ ปรากฏว่า พอจะเลือก สร้างโปรเจค Java สักหน่อย พี่แกดันฟ้อง error "The JDK missing and is required to run some Netbean Module" มาซะนี่

The JDK missing and is required to run some Netbean Module

เอ้า แสรด!!! งานเข้าเลยครับ ทำงัยดีหล่ะที่นี้ ก็ลงไปแบบ full package แล้วนี่หน่า ทำไมเป็นแบบนี้หล่ะ ตั้งสติก่อนสตาร์ท (อ้าว ไม่เกี่ยว ) ลองๆค้นหาดูก่อนสิ มีชาวบ้านเค้าเจอปัญหาเหมือนเราบ้างไหม ปรากฏว่า เจอเหมือนกัน ครับ

สาเหตุก็มาจากว่า ตัว netbean มันดันหาตัว jdk ของ java ไม่เจอครับ ให้เราเข้าไปแก้ไฟล์
C:\Program Files\NetBeans 6.9.1\etc\netbeans.conf ครับ ให้มองไปหาไฟล์ jdk ของ java ใหม่ แต่ว่าแพคเกจ ของ jdk ที่เราติดตั้งต้องมีอยู่นะครับ มันน่าจะมาพร้อมกับตอนที่เราติดตั้ง Netbean แบบ All นั่นแหละครับ โดยเราแก้ไปที่ path ของ jdk ในไฟล์ config ของ netbean

จากเดิมมันกำหนดเป็น netbeans_jdkhome="C:\Program Files\Java\jre6"
ก็ให้เราแก้เป็น netbeans_jdkhome="C:\Program Files\Java\jdk1.6.0_23"

netbeans.conf

แล้วก็ลองเข้าโปรแกรม netbean ใหม่ครับ ซึ่งถ้าไม่มีผีมาแกล้งซะก่อน ก็น่าจะสามารถสร้าง java project ได้ตามปกติ

Java project on netbean

อ่านเพิ่มเติม...

1.1.11

Google Search Shortcuts Guide เทคนิคการค้นหา



Google search shortcuts guide สวัสดีปีใหม่  2554 ครับเพื่อนๆ คิดหวังสิ่งใด ขอให้สมหวังทุกประการ ต้องขออภัยที่ไม่ได้เข้ามาอัพเดทบล๊อกโปรแกรมเมอร์(จำเป็น) เสียนาน  จริงๆก็ไม่ได้ไปไหนหรอกครับ ก็พยายามไปอัพเดทบล๊อกอื่นๆ ให้มันครบหน่ะครับ เหมือนผมจะบ้าเขียนบลีอกไปหรือเปล่า ก็ยังสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกัน

มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ตั้งแต่กูเกิ้ล ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกของอินเตอร์แบบก้าวกระโดด เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นย้อนไปในอดีต อินเตอร์เนตเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นสำหรับผมมากๆ ผมไม่คิดว่า การนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์จะทำให้เรารับรู้ข้อมูลข่าวสารได้มากมายเพียงนี้ ก่อนกูเกิ้ลจะเข้ามา เว็บแรกๆที่ผมได้รู้จัก ก็เป็นเว็บ sanook เว็บ Hunsa แล้วก็เว็บ Thaiwebhunter เหตุที่ทำให้จำเว็บพวกนี้ได้ดี ก็เพราะเว็บเหล่านี้ ล้วนเป็นเว็บท่า คล้ายๆกับท่าเรือ ที่มีเรือมาจอดมากมาย เพือนำเราไปยังเว็บอื่นๆ แต่พอหลังจากที่กูเกิ้ล เข้ามาแล้ว การจะต้องมานั่งจดจำชื่อเว็บเหล่านี้ ก็ไม่จำเป็นแล้วครับ เราอยากไปไหน ณ จุดใดๆ ก็สามารถที่จะใส่คำค้นหาได้เลย

Download Google Chrome

หลายคน ค้นพบเส้นทางในการแสวงหาสิ่งที่เค้าสงสัย และได้พบคำตอบอย่างง่ายดาย แต่ก็ยังมีอีกหลายคน ยังวนๆเวียนๆ กับการไล่ล่าหาคำตอบแบบหลงทาง เสียเวลามากไปกับป่าดงดิบอินเตอร์เนต ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์เลยก็ว่าได้ เราไม่ได้รู้ไปทุกเรื่อง แต่เราควรจะรู้ว่าใครรู้เรืองนี้บ้าง บางเรื่องมีคนให้คำตอบไว้แล้ว ปัญหาก็คือ เราจะหาคำตอบนั่นเจอได้อย่างไร

วันนี้ ผมมีเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่จะทำให้เพื่อนๆ ได้คำตอบจากกูเกิ้ลให้ได้เร็ว และตรงใจมากที่สุด โดยกูเกิ้ลเค้าได้แนะนำวิธีในการใช้ search engine ของเค้าในการค้นหา ที่เป็นประโยชน์มากที่สุด เราจะมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

Google search shortcuts guide 1

Google search shortcuts guide 2

Google search shortcuts guide 3

ลองใช้บ่อยๆครับ แล้วเราก็จะจำได้เอง แล้วคุณก็จะค้นพบว่า การเรียนรู้มันไม่มีที่สิ้นสุดเลย จริงๆ

อ่านเพิ่มเติม...
 

เกี่ยวกับฉัน(ไหมเนี้ย)

รายการบล๊อกอื่นๆ

  • Gearset matching 2021 program - เป็นงานใหญ่ที่เพิ่งจบไป ที่ระยอง ปลวกแดง บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ คอนเซปต์ คือต้องการเก็บค่าหลังจากการทดสอบชิ้นส่วยรถยนต์ เพื่อเก็บไว้ในฐานข้อมูลให้แผนกถ...
  • Type-Fu : Typing practice game online - หากใครที่สนใจ หรือจะต้องทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หนึ่งในความจำเป็นก็คือ จะต้องเรียนรู้ที่พิมพ์สัมผัสได้ เพราะการที่พิมพ์สัมผ้สได้ มันได้ประโยชน์หลายๆ อย...

Blog อื่นๆ ที่น่าติดตาม

เหล่าบรรดา Blogger